วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การก่อการร้ายในการเมืองไทย (Terrorist in Thai Politic)

การก่อการร้ายในการเมืองไทย (Terrorist in Thai Politic)

หากพิจารณาวิธีการ รูปแบบ ลักษณะการต่อสู้ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรในประเทศไทยในขณะนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับสงครามการก่อการร้ายมีความเหมือนและคล้ายคลึงกัน เมื่อพิจารณาจาก

การต่อสู้เชิงสัญญาลักษณ์ โดยต่างฝ่ายต่างสร้างภาพลักษณ์ของตนเองว่าเป็นตัวแทนที่ชอบธรรมของการต่อสู้เช่นเป็นตัวแทนของกลุ่มทุนนิยม ต่อสู้กับกลุ่มอำมาตยาธิปไตย ซึ่งไม่แตกต่างกับการประกาศการต่อสู้ของกลุ่มอัลกออิดะห์กับตะวันตกที่นำโดยสหรัฐอเมริกา

การมุ่งเอาชนะทางการเมืองโดยมุ่งทำทุกวิธีทางทั้งเปิดเผยและลับ รวมทั้งตั้งวอร์รูมประเมินสถานการณ์ต่อนาทีเพื่อไม่ให้เกิดความเพลี่ยงพล้ำต่ออีกฝ่ายหนึ่ง รวมทั้งการหาช่องทางกฏหมายเพื่อมุ่งนำแกนนำในการต้อสู้มาลงโทษ

การใช้วิธีการข่าวกรองที่ไม่มีความแตกต่างกับหน่วยงานความมั่นคงในระดับประเทศ โดยมีการจัดตั้งสายลับ ผู้ให้ข้อมูล(Informer) เพื่อสืบสภาพของแต่ละฝ่ายทั้งเรื่องในอดีต ปัจจุบันและประเมินแนวทางการเคลื่อนไหวในอนาคตเพื่อแก้ทางและแก้เกมส์ ด้วยเหตุนี้ การข่าวกรองซึ่งโดยธรรมชาติมีลักษณะการต่อสู้ในมุมมืด จึงเป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพของแต่ละฝ่ายดังจะเห็นจากกลุ่มพันธมิตร

การสร้างมวลชนสนับสนุน(Basement)หรือการเอาชนะจิตใจประชาชนหรือ winning heart and mind โดยใช้ช่องทางการสื่อสารทุกช่องทางเพื่อสร้างความชอบธรรมและให้เกิดการคล้อยตาม รวมทั้งการปลุกระดมสร้างความเกลียดชังไม่ต่างอะไรกับการที่กลุ่มก่อความไม่สงบได้ปลุกระดมการทำสงครามเพื่อศาสนาหรือ Jihad โดยรัฐบาลอ้างว่าการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย ขณะที่ฝ่ายพันธิมตรต่อสู้เพื่อสถาบัน

การต่อสู้ฝ่ายหนึ่งมีความได้เปรียบเชิงอำนาจรัฐ ขณะที่อีกฝ่ายไม่อำนาจแต่ใช้รูปแบบการต่อสู้นอกรูปแบบโดยมวลชน ซึ่งไม่แตกต่างกับการต่อสูของขบวนการก่อร้ายที่ใช้การต่อสู้แบบสงครามอสมมาตร หรือ Asymmetric Warfare คือ การต่อสู้โดยกำลังที่น้อยกว่าในรูปแบบการก่อการร้าย ซึ่งไม่สามารถคาดเท่ากลยุทธได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ การต่อสู่จึงขยายวงกว้างออกไปด้วยวิธีการต่อสู้ในลักษณะข้างต้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ววิธีการที่จะแก้ไขปัญหาการต่อสู้กับการก่อการร้ายในปัจจุบัน ยังมาสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เลย เช่นเดียวกับการต่อสู้ทางการเมืองในไทยยังไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้ว่าจะจบเช่นใด เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีความไว้วงาใจระหว่างกัน ไม่มีการรู้แพ้ชนะ หากพ่ายแพ้ก็จะเริ่มกระบวนการต่อสู้ครั้งใหม่

ไม่มีความคิดเห็น: